แนะนำตัว Dr.Pong

แนะนำตัว Dr.Aom

Treatment Training and Activities (2)

< >

Balavi Delivery อาหารสุขภาพ

จานอร่อยเพื่อคนสุขภาพดี จานรักษาโรค ตามแพทย์แนะนำ

โยคะ เพื่อสุขภาพ

การดูแลสุขภาพที่ส่งผลดีต่อด้านร่างกาย และด้านจิตใจ

บรรยาย สัมมนาสุขภาพ

รับจัดบรรยาย สัมมนาสุขภาพ ให้กับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ

คอร์สธรรมชาติบำบัด

สอนปฏิบัติ แนะวิธีดูแลสุขภาพด้วยอาหาร ออกกำลังกาย

ไฮโดรแอโรบิค

การออกกำลังกาย เคลื่อนไหวในน้ำต่อเนื่องกัน มีความหนัก ความเบาผสมผสานกัน มีจังหวะของดนตรี

Iridology

อ่านม่านตา เข้าใจสุขภาพ และปลดล็อค Inner เพื่อ Growth Mind Set

 

ที่จริงฝุ่นในกทม.คงเยอะอยู่แล้ว
เพราะไหนจะรถมาก ไหนจะก่อสร้าง ไหนจะโรงงานใกล้กทม. ..ในสมุทรปราการ เป็นต้น
วันดีคืนดีอากาศเปลี่ยน ฝุ่นเลยลอยเรี่ยเต็มเมือง แถมยังมีข่าวว่า ..ลมพัดเอาควันเผาป่าจากกัมพูชาเข้ามาเพิ่มในกทม.อีก
โดยทั่วไปค่าPM2.5 ใน24 ชั่วโมงไม่ควรเกิน 25 µg/m3 แต่ตอนนี้มันอยู่ที่ 40-50 µg/m3 หรือมากกว่า

ฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 มันเล็กกว่าเม็ดเลือดแดงเสียอีก และมันคืออนุมูลอิสระดี ๆ นี่เอง ผลต่อสุขภาพที่จะเกิดทันทีคือ
•คนเป็นโรคภูมิแพ้อาการกำเริบ
•คนที่เป็นโรคปอดเรื้อรังและคนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจมีอาการกำเริบ
นี่ยังไม่นับผลระยะยาวที่จะเกิดจากโรคเสื่อมนานา ซึ่ง
อาจจะรวมไปถึงโรคมะเร็ง !

แล้วเราจะทำอย่างไรดี
1. ติดตามข่าวมลภาวะจาก Air4Thai ถ้าเป็นสีแดง ให้ระมัดระวังตัว เพราะนั่นคือสถานการณ์วิกฤตต่อสุขภาพ
2. งดออกกำลังกายกลางแจ้ง
3. หาหน้ากากอนามัยมาใช้เมื่อต้องออกนอกบ้าน
N95 นั่นดีที่สุด แต่หลายคนบ่นหายใจไม่สะดวก โดยเฉพาะคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง แถมขาดตลาดอีก
ถ้าจะว่าตามที่สมาคมอุรเวชช์แนะนำ หน้ากากอนามัยที่มีสีเขียวก็พอแก้ขัดได้ เวลาใส่เอาด้านสีเขียวหรือด้านมันออกด้านนอก จะป้องกันฝุ่นประมาณ PM3 ได้
หรือใช้หน้ากากสีเขียวแล้วรองด้วยกระดาษทิชชูสองชั้น จากการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รายงานว่าสามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้ถึง 98%
4. กินวิตามินซี วันละ 1-2 กรัม ไปใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในระยะนี้ เลือกวิตามินซีกรดต่ำหรือไร้กรดนะคะ
5. ออกนอกบ้านให้ใส่แว่นตา และอย่าลืมล้างตาด้วยการลืมตาในน้ำสะอาด กลอกตาไปมา
6. กลับถึงบ้านควรอาบน้ำทันที จะลดอาการคันผิวหนังได้

Cr. พญ.ลลิตา ธีระสิริ

ใครเป็นหวัด เสียงแหบ ไอมีเสมหะ
แนะนำสูตรสมุนไพรโบราณนี้
ผ่ามะกอกออกเป็นสองซีก ขูดเอาเนื้อที่ติดเม็ดออกมา ทิ้งเม็ดไปเสีย 
เอาน้ำพริกตาแดงใส่ลงไป ถ้ากลัวเผ็ดก็ใช้แต่น้อย
ตามด้วยเกลือเม็ด น้ำอ้อยก้อนเล็ก ๆ และขิง 
แล้วเคี้ยว หรืออม
จะชุ่มคอ แก้ไอได้ชะงัดนัก
แถมอร่อย แซ่บ สะใจ

Cr. พญ.ลลิตา ธีระสิริ 

 

 

 

 

ทำความเข้าใจเรื่องนำ้ตาลฟอกขาว    (Sugar bleaching) 


                                                                                                                                ศ.นพ.อนุวัตร ลิ้มสุวรรณ

        การศึกษาค้นคว้าในปัจจุบันได้ชี้แจงให้เห็นว่า น้ำตาลทรายที่ผ่านการฟอกขาวแล้ว (น้ำตาลทรายขาว) และน้ำตาลที่ผสมอยู่ในลูกอม ขนมเค้ก คุกกี้ พาย และขนมหวานชนิดต่างๆ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อวัยวะในร่างกายหลายเหล่าส่วนทำงานเสื่อมประสิทธิลง และเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิด โรคหัวใจ และยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็งในกระเพราะอาหาร ไส้ติ่งอักเสบ

 

                                                          


           สารฟอกขาวคืออะไร. สารฟอกขาวที่นิยมใช้ในอาหารบ้านเราส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของสารประกอบ ซัลไฟต์ ซึ่งเป็นชื่อรวมของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และเกลืออนินทรีย์ของกรดซัลฟูรัสซึ่งแตกตัวให้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ สารฟอกขาวบางตัวไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในอาหาร เนื่องจากเป็นสารที่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างมากต่อสุขภาพ ได้แก่ สารไฮโดรซัลไฟต์ ซึ่งเป็นสารที่นิยมใช้ในการฟอกย้อมผ้า แต่พบว่าผู้ผลิตหลายรายนำมาใช้ในการผลิตอาหารเพื่อฟอกสีอาหารให้ดูน่ากิน สารซัลไฟต์เป็นสารเคมีที่นิยมใช้เป็นสารกันเสียเพื่อป้องกันและยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ ใช้เป็นสารกันหืนเพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมันในอาหารที่จะทำให้เกิดการเหม็นหืน. และที่สำคัญยังสามารถใช้เป็นสารฟอกขาวอีกด้วย เนื่องจากมีคุณสมบัติยับยั้งปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงเป็นสีน้ำตาลซึ่งเกิดขึ้นในอาหารหลายประเภท เช่น ผัก ผลไม้ น้ำผลไม้ น้ำหวานจากพืช และอาหารทะเล พวกกุ้ง ปู ปลา ปลาหมึก เป็นต้น ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้เองทำให้มีการนำสารนี้มาใช้กันอย่างกว้างขวางในการผลิตอาหารต่างๆ. การเกิดโรคภัยไข้เจ็บ. สาเหตุเนื่องมาจากร่างกายของคนเราไม่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการบริโภคน้ำตาลที่ผ่านกระบวนฟอกขาวแล้วในปริมาณมาก
*** น้ำตาลทรายที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการฟอกมีส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญพลังงานทำให้ร่างกายไม่สะสมพลังงานส่วนเกิน. น้ำตาลทรายฟอกขาวเป็นสิ่งอันตรายสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต (อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล) เพราะกระบวนการเผาผลาญพลังงานของบุคคลประเภทนี้นี้จะเปลี่ยนน้ำตาลให้กลายเป็นไขมันอย่างรวดเร็วซึ่งจะถูกเก็บ สะสมไว้ในปริมารมากทำให้เกิดไขมันในเส้นเลือดสูงกว่าปกติ
เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง คุณควรจะลดปริมาณน้ำตาลมนอาหารของคุณลงบ้าง
โดยคุณสามารถปฏิบัติตามวิธีการดังนี้ :

1)ลดปริมาณการบริโภคน้ำตาลที่ผ่านการฟอกแล้วลงทั้งของตัวคุณเองและของครอบครัว. 
2)ไม่บริโภคหรือลดจำนวนการบริโภคขนมขบเคี้ยว ลูกอม ช็อคโกแลต ไอศครีม น้ำอัดลม.
3)คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำตาลทรายที่ผ่านการฟอกขาวแล้วโดยใช้น้ำตาลทรายสีรำ (น้ำตาลทรายที่ไม่ได้ผ่านการฟอกสี) น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลที่สกัดจากข้าวฟ่าง หรืออ้อยและน้ำผึ้งทดแทน

ถ้าทำได้ดังกล่าวคุณจะได้สุขภาพดีครับ

News feed