บำบัดผื่นคันด้วยตนเอง

                อากาศร้อน อากาศแห้ง คนเรามักมีผื่นคัน บางคนบอกว่าเหงื่อออก ฝุ่นมาก ทำให้มีผื่น แต่ที่แท้ผื่นคันที่ผิวหนังไม่ได้เกิดจากอากาศเป็นสาเหตุทั้งหมด    แต่เกิดจากหลายสาเหตุคือ  ผื่นแพ้  ความเครียดทั้งทางกายและใจ  รวมทั้งการสัมผัสกับสารระคายเคืองต่าง ๆ

 

 

สารระคายผิว

                สารระคายผิวในชีวิตประจำวันที่พบบ่อยได้แก่ ผงซักฟอก รวมทั้งน้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาเช็ดพื้นเกือบทุกประเภท

                ดังนั้นหากคุณเกิดผื่นคันที่ผิวหนัง  โดยเฉพาะที่มือและเท้า  ลองพิจารณาดูว่าเกิดหลังจากคุณเปลี่ยนยี่ห้อผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ฯลฯ หรือไม่  หรือหากไม่ได้เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้นั้นได้เติมสารพิเศษลงไปอีกเช่นสีสะท้อนแสงเพื่อให้ผ้าดูใหม่เสมอ หรือน้ำยาทำความสะอาดเพิ่มสารที่ทำให้เกิดความแวววาวใช่หรือไม่

 

                หากใช่ คุณก็จะต้องหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ  หาอะไรอื่นที่ระคายเคืองน้อยกว่า  มีการเติมโน่นเติมนี่ลงไปในน้ำยาน้อยกว่า

                ยังมีวัสดุหรือสารบางอย่างที่อาจทำให้เกิดอาการผื่นคันที่ผิวหนังเพราะแพ้อีกเช่น ยาง โลหะประเภทนิกเกิล(จากเครื่องประดับ) น้ำหอม  เครื่องสำอาง พืชหรือยาบางชนิดทั้งยากินยาทา

                อาการแพ้วัสดุและสารข้างต้นมักจะมีประวัติเหมือน ๆ กันคือ ตอนใช้ในครั้งแรกไม่มีอาการ แต่พอใช้นาน ๆ ไปถึงจะเกิดอาการของผื่นคัน  ลองสังเกตดี ๆ เช่นอาการแพ้โลหะหรือวัสดุของเครื่องประดับมักจะเกิดบริเวณที่สัมผัสนั้นโดยตรง เช่นตรงตำแหน่งของจี้ ของกำไล หรือก้านตุ้มหู หรือบริเวณที่ใส่น้ำหอมเท่านั้น

                หากมีอาการเช่นนี้คุณต้องเลี่ยงสิ่งที่ก่ออาการแพ้ตลอดไปจึงจะหายขาด

อาการผื่นแพ้จากจิตประสาท

                อาการผื่นคันชนิดนี้มักจะเกิดเพราะมีสาเหตุทางจิตใจ เช่นเครียด กังวล  ผื่นมักจะเกิดจากการเกา ยิ่งเกายิ่งคัน ยิ่งคันยิ่งเกา ทำให้ผื่นกำเริบกลายเป็นผื่นที่เรื้อรัง  ส่วนมากพบผื่นบริเวณ ข้อมือ ข้อเท้า  แขนขาด้านนอก(ตรงที่เกาถนัด)

 

 

               ผื่นชนิดนี้อาจจะพอหาสาเหตุเริ่มต้นได้เช่น ผิวแห้ง  ผื่นแพ้  การสัมผัสสารระคายเคือง บางครั้งก็เป็นเพราะการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองไม่ดี เช่นมีเส้นเลือดขอด หรือขาบวมมาก่อน ทำให้สารพิษคั่งอยู่ที่ผิวหนังทำให้เกิดอาการคัน แล้วการเกาทำให้ผื่นเรื้อรังยิ่งขึ้น

ผื่นคันในผู้สูงอายุ              

บางครั้งผู้สูงอายุก็มีผื่นคันได้ง่าย เพราะผิวคนมีอายุบางตัวลงและระคายเคืองง่ายกว่า  ประกอบกับเมื่อเกิดผื่นแล้วก็หายยากกว่าคนหนุ่มสาว  แค่อากาศร้อน เหงื่อออกมากหน่อย ก็เกิดอาการระคายเคืองแล้ว

ธรรมชาติบำบัดรักษาผื่นคัน

เมื่อเกิดผื่นคันไม่ว่าจากสาเหตุใด ให้เอาสาเหตุของอาการแพ้ออกก่อนเช่น หยุดใช้ผงซักฟอกนั้น ๆ   และธรรมชาติบำบัดมีวิธีแก้ดังนี้

              1.วิธีบรรเทาอาการคัน เพื่อไม่ให้เกาและทำให้ผื่นกำเริบทำได้ดังนี้คือ  อาจจะใช้ยาประเภทยาหม่องทาบรรเทาอาการคัน หากเป็นผื่นแห้ง และเป็นไม่มาก   นอกจากนี้เราสามารถใช้วิธีโบราณกล่าวคือ

               - ให้เอาใบพลู 5-6 ใบมาตำแล้วผสมเหล้าขาวทาบริเวณผื่นคัน วิธีนี้เหมาะสำหรับผื่นคันที่เกิดเป็นบางที่

               - ให้เอาขมิ้นชันทาผื่นวันละครั้ง วิธีทำนั้นง่ายมาก เพียงแต่ตัดหัวขมิ้นให้เปิดออกแล้วใช้ทาผื่นได้เลย  แต่ถ้าผื่นคุณมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มแล้วไม่ควรใช้วิธีนี้  และควรเอาขมิ้นสดมาแช่ตู้เย็นค้างไว้ เพื่อทำให้หมดยางตามธรรมชาติเสียก่อน

               - ใช้น้ำสมุนไพร ทาหรือประคบบริเวณผื่นคัน  สมุนไพรที่ใช้ได้แก่ คาโมมายล์  ทีทรี ลาเวนเดอร์ เป็นต้น

              โดยเตรียมน้ำชาด้วยการต้มคาโมมายล์ แก่ ๆ(หาซื้อได้ที่โครงการหลวง) แล้วผสมลงในน้ำผสมผงฟู(โซเดียมไบคาร์บอเนต) โดยใช้น้ำ 2 ลิตรต่อผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ  ใช้ทาผื่นหรือเอาผ้าก๊อซชุบน้ำสมุนไพรแล้วปิดไว้ตรงผื่น วันละ 1-2 ครั้ง

               ส่วน ทีทรีกับลาเวนเดอร์สามารถใช้เป็นน้ำมันหอมระเหย  โดยใช้ครั้งละ 5-8 หยด ลงในน้ำผสมผงฟู

               - ให้แช่น้ำรำข้าว วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่เป็นผื่นคันทั้งตัว  ทำได้ดังนี้คือ  ก่อนอื่นคุณต้องมีอ่างอาบน้ำ  ให้เตรียมน้ำเย็นใส่อ่าง  เอาน้ำแข็งโรยลงไป เอาให้เย็นจัด พอทนได้ สามารถทดสอบดูโดยเอามือจุ่มดู  แล้วลงไปนอนแช่ทั้งตัวเป็นเวลานาน 10-15 นาที  จากนั้นไขน้ำออก  เอาน้ำอุ่นจัด ๆ พอทนได้ใส่อ่างแทน  แล้วเอารำข้าวละเอียดประมาณ 100 กรัมห่อผ้าขาวบาง ขยำเอาแต่น้ำใส่ลงไปในอ่าง  แล้วลงนอนแช่นาน 20 นาที

               วิธีนี้เป็นการใช้สารแพนโทเทนิกในรำข้าวมารักษาอาการคัน  อาการคันจะหายแทบปลิดทิ้ง  แต่ข้อควรระวังคืออย่าให้รำข้าวเล็ดลอดลงไปในน้ำ เพราะเศษของรำข้าวจะทำให้เกิดผดผื่นและทำให้คันยิ่งขึ้น  อาจจะต้องใช้ผ้าขาวบางห่อ 2-3 ชั้นจึงจะดี

               หลักการนี้คือ  ต้องแช่น้ำเย็นจัดก่อน  หลังจากนั้นให้เตรียมน้ำรำอุ่น ซึ่งต้องการเวลานานประมาณ 15 นาทีหลังจากขึ้นมาจากน้ำเย็น  เพราะถึงตอนนั้นโดยปฏิกิริยาของการแช่น้ำเย็นจะทำให้เส้นเลือดที่ผิวหนังขยายตัวเต็มที่  เมื่อแช่น้ำรำ แพนโทเทนิคในรำข้าวจึงจะส่งผลแก้อาการของผื่นและแก้อาการคัน

               มีคนเทียบแพนโทเทนิกว่ามีผลเช่นเดียวกับแอนติฮีสตามีนเลยทีเดียว

                2. เพิ่มประสิทธิภาพของภูมิต้านทาน เพื่อให้ร่างกายสามารถเยียวยาตัวเองดีกว่าเดิม  โดยการเปลี่ยนอาหาร เป็นข้าวกล้องทุกมื้อ กินผักสดวันละ 2 จาน กินผลไม้สดวันละ 2 ผล และน้ำผลไม้คั้นสดวันละ 200 ซีซี. เช่นน้ำส้มคั้นสด  เพื่อที่จะได้วิตามินซีเพียงพอในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวและภูมิต้านทาน