-
Category: ข่าวสุขภาพ
-
Published: Friday, 29 April 2016 17:27
-
Written by Super User
-
Hits: 227278
-
Print
-
Email
บำบัดผื่นคันด้วยตนเอง
อากาศร้อน อากาศแห้ง คนเรามักมีผื่นคัน บางคนบอกว่าเหงื่อออก ฝุ่นมาก ทำให้มีผื่น แต่ที่แท้ผื่นคันที่ผิวหนังไม่ได้เกิดจากอากาศเป็นสาเหตุทั้งหมด แต่เกิดจากหลายสาเหตุคือ ผื่นแพ้ ความเครียดทั้งทางกายและใจ รวมทั้งการสัมผัสกับสารระคายเคืองต่าง ๆ
สารระคายผิว
สารระคายผิวในชีวิตประจำวันที่พบบ่อยได้แก่ ผงซักฟอก รวมทั้งน้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาเช็ดพื้นเกือบทุกประเภท
ดังนั้นหากคุณเกิดผื่นคันที่ผิวหนัง โดยเฉพาะที่มือและเท้า ลองพิจารณาดูว่าเกิดหลังจากคุณเปลี่ยนยี่ห้อผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ฯลฯ หรือไม่ หรือหากไม่ได้เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้นั้นได้เติมสารพิเศษลงไปอีกเช่นสีสะท้อนแสงเพื่อให้ผ้าดูใหม่เสมอ หรือน้ำยาทำความสะอาดเพิ่มสารที่ทำให้เกิดความแวววาวใช่หรือไม่
หากใช่ คุณก็จะต้องหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ หาอะไรอื่นที่ระคายเคืองน้อยกว่า มีการเติมโน่นเติมนี่ลงไปในน้ำยาน้อยกว่า
ยังมีวัสดุหรือสารบางอย่างที่อาจทำให้เกิดอาการผื่นคันที่ผิวหนังเพราะแพ้อีกเช่น ยาง โลหะประเภทนิกเกิล(จากเครื่องประดับ) น้ำหอม เครื่องสำอาง พืชหรือยาบางชนิดทั้งยากินยาทา
อาการแพ้วัสดุและสารข้างต้นมักจะมีประวัติเหมือน ๆ กันคือ ตอนใช้ในครั้งแรกไม่มีอาการ แต่พอใช้นาน ๆ ไปถึงจะเกิดอาการของผื่นคัน ลองสังเกตดี ๆ เช่นอาการแพ้โลหะหรือวัสดุของเครื่องประดับมักจะเกิดบริเวณที่สัมผัสนั้นโดยตรง เช่นตรงตำแหน่งของจี้ ของกำไล หรือก้านตุ้มหู หรือบริเวณที่ใส่น้ำหอมเท่านั้น
หากมีอาการเช่นนี้คุณต้องเลี่ยงสิ่งที่ก่ออาการแพ้ตลอดไปจึงจะหายขาด
อาการผื่นแพ้จากจิตประสาท
อาการผื่นคันชนิดนี้มักจะเกิดเพราะมีสาเหตุทางจิตใจ เช่นเครียด กังวล ผื่นมักจะเกิดจากการเกา ยิ่งเกายิ่งคัน ยิ่งคันยิ่งเกา ทำให้ผื่นกำเริบกลายเป็นผื่นที่เรื้อรัง ส่วนมากพบผื่นบริเวณ ข้อมือ ข้อเท้า แขนขาด้านนอก(ตรงที่เกาถนัด)
ผื่นชนิดนี้อาจจะพอหาสาเหตุเริ่มต้นได้เช่น ผิวแห้ง ผื่นแพ้ การสัมผัสสารระคายเคือง บางครั้งก็เป็นเพราะการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองไม่ดี เช่นมีเส้นเลือดขอด หรือขาบวมมาก่อน ทำให้สารพิษคั่งอยู่ที่ผิวหนังทำให้เกิดอาการคัน แล้วการเกาทำให้ผื่นเรื้อรังยิ่งขึ้น
ผื่นคันในผู้สูงอายุ
บางครั้งผู้สูงอายุก็มีผื่นคันได้ง่าย เพราะผิวคนมีอายุบางตัวลงและระคายเคืองง่ายกว่า ประกอบกับเมื่อเกิดผื่นแล้วก็หายยากกว่าคนหนุ่มสาว แค่อากาศร้อน เหงื่อออกมากหน่อย ก็เกิดอาการระคายเคืองแล้ว
ธรรมชาติบำบัดรักษาผื่นคัน
เมื่อเกิดผื่นคันไม่ว่าจากสาเหตุใด ให้เอาสาเหตุของอาการแพ้ออกก่อนเช่น หยุดใช้ผงซักฟอกนั้น ๆ และธรรมชาติบำบัดมีวิธีแก้ดังนี้
1.วิธีบรรเทาอาการคัน เพื่อไม่ให้เกาและทำให้ผื่นกำเริบทำได้ดังนี้คือ อาจจะใช้ยาประเภทยาหม่องทาบรรเทาอาการคัน หากเป็นผื่นแห้ง และเป็นไม่มาก นอกจากนี้เราสามารถใช้วิธีโบราณกล่าวคือ
- ให้เอาใบพลู 5-6 ใบมาตำแล้วผสมเหล้าขาวทาบริเวณผื่นคัน วิธีนี้เหมาะสำหรับผื่นคันที่เกิดเป็นบางที่
- ให้เอาขมิ้นชันทาผื่นวันละครั้ง วิธีทำนั้นง่ายมาก เพียงแต่ตัดหัวขมิ้นให้เปิดออกแล้วใช้ทาผื่นได้เลย แต่ถ้าผื่นคุณมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มแล้วไม่ควรใช้วิธีนี้ และควรเอาขมิ้นสดมาแช่ตู้เย็นค้างไว้ เพื่อทำให้หมดยางตามธรรมชาติเสียก่อน
- ใช้น้ำสมุนไพร ทาหรือประคบบริเวณผื่นคัน สมุนไพรที่ใช้ได้แก่ คาโมมายล์ ทีทรี ลาเวนเดอร์ เป็นต้น
โดยเตรียมน้ำชาด้วยการต้มคาโมมายล์ แก่ ๆ(หาซื้อได้ที่โครงการหลวง) แล้วผสมลงในน้ำผสมผงฟู(โซเดียมไบคาร์บอเนต) โดยใช้น้ำ 2 ลิตรต่อผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ ใช้ทาผื่นหรือเอาผ้าก๊อซชุบน้ำสมุนไพรแล้วปิดไว้ตรงผื่น วันละ 1-2 ครั้ง
ส่วน ทีทรีกับลาเวนเดอร์สามารถใช้เป็นน้ำมันหอมระเหย โดยใช้ครั้งละ 5-8 หยด ลงในน้ำผสมผงฟู
- ให้แช่น้ำรำข้าว วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่เป็นผื่นคันทั้งตัว ทำได้ดังนี้คือ ก่อนอื่นคุณต้องมีอ่างอาบน้ำ ให้เตรียมน้ำเย็นใส่อ่าง เอาน้ำแข็งโรยลงไป เอาให้เย็นจัด พอทนได้ สามารถทดสอบดูโดยเอามือจุ่มดู แล้วลงไปนอนแช่ทั้งตัวเป็นเวลานาน 10-15 นาที จากนั้นไขน้ำออก เอาน้ำอุ่นจัด ๆ พอทนได้ใส่อ่างแทน แล้วเอารำข้าวละเอียดประมาณ 100 กรัมห่อผ้าขาวบาง ขยำเอาแต่น้ำใส่ลงไปในอ่าง แล้วลงนอนแช่นาน 20 นาที
วิธีนี้เป็นการใช้สารแพนโทเทนิกในรำข้าวมารักษาอาการคัน อาการคันจะหายแทบปลิดทิ้ง แต่ข้อควรระวังคืออย่าให้รำข้าวเล็ดลอดลงไปในน้ำ เพราะเศษของรำข้าวจะทำให้เกิดผดผื่นและทำให้คันยิ่งขึ้น อาจจะต้องใช้ผ้าขาวบางห่อ 2-3 ชั้นจึงจะดี
หลักการนี้คือ ต้องแช่น้ำเย็นจัดก่อน หลังจากนั้นให้เตรียมน้ำรำอุ่น ซึ่งต้องการเวลานานประมาณ 15 นาทีหลังจากขึ้นมาจากน้ำเย็น เพราะถึงตอนนั้นโดยปฏิกิริยาของการแช่น้ำเย็นจะทำให้เส้นเลือดที่ผิวหนังขยายตัวเต็มที่ เมื่อแช่น้ำรำ แพนโทเทนิคในรำข้าวจึงจะส่งผลแก้อาการของผื่นและแก้อาการคัน
มีคนเทียบแพนโทเทนิกว่ามีผลเช่นเดียวกับแอนติฮีสตามีนเลยทีเดียว
2. เพิ่มประสิทธิภาพของภูมิต้านทาน เพื่อให้ร่างกายสามารถเยียวยาตัวเองดีกว่าเดิม โดยการเปลี่ยนอาหาร เป็นข้าวกล้องทุกมื้อ กินผักสดวันละ 2 จาน กินผลไม้สดวันละ 2 ผล และน้ำผลไม้คั้นสดวันละ 200 ซีซี. เช่นน้ำส้มคั้นสด เพื่อที่จะได้วิตามินซีเพียงพอในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวและภูมิต้านทาน