แนะนำตัว Dr.Pong

แนะนำตัว Dr.Aom

Balavi Tribute

BALAVI Rejuvenation

 

 

 

            คำว่าบัลวี แปลว่า “ต้นกล้าอ่อน”

            นี่คือคำบอกเล่าจาก คุณแม่ พญ.ณัฏฐา ชุณหสวัสดิกุล หรือคุณหมอ ลลิตา ที่คนไข้บัลวีรู้จักกันดี

 

ในฐานะลูกๆ ที่เป็นหมอ ได้ซึมซับบทบาทของท่านในฐานะของหมอที่เริ่มลุกขึ้นมาสอนคนไข้ ให้ปรับเปลี่ยน Life style ควบคู่ไปกับการรักษาทางวิตามิน สมุนไพร และอาหาร รวมไปจนถึงการออกกำลังกาย และการปรับสมดุลจิตใจ ตั้งแต่สมัยก่อนที่จะมีคำว่า Life Style medicine อย่างที่เรารู้จักเสียอีก

 

            ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้รำลึกถึงบัลวี ในแบบของคุณพ่อคุณแม่ คือ หมอบรรจบ และหมอลลิตา ถือซะว่าเพื่อให้หายคิดถึงกัน อาจมีเรื่องราวเก่าๆ ในห้วงความทรงจำที่หมอลูก จะนำมาเล่าสู่กันฟัง ว่าบัลวีในมุมต่างๆ มีที่มาที่ไปอย่างไร อาจมีตำนานเรื่องเล่าประกอบบ้าง ตามแต่ที่ผู้เขียนจะนึกออก รวมถึงอาจเล่าสู่พัฒนาการใหม่ๆ ที่มีแรงบันดาลใจมาจากแนวคิดของคุณหมอบรรจบ และคุณหมอลลิตา เคยทำไว้

บัลวี คือการเกิดใหม่ หรือ Rejuvenation อยู่แล้ว... ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดสุขภาพองค์รวมใหม่ๆ
ดังนั้น หมอปอง ที่กลับมารับหน้าที่ใน Page นี้ ก็คิดว่าน่าจะเป็นการดีที่จะลองทำเพจนี้ต่อไป เผื่อว่า Balavi จะยังคงมีบทบาทใหม่ๆ ที่เติบโตขึ้นในสังคมต่อไปไม่มากก็น้อย

 

นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล
หมอปอง
FB Page “หมอปอง”


 

 

 

หลังจากดูแลผู้ป่วยมะเร็งมาระยะหนึ่ง

หลังจากดูแลผู้ป่วยมะเร็งมาระยะหนึ่ง กล่าวได้ว่า
อาการคลื่นไส้อาเจียนหลังจากได้รับเคมีบำบัด สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
นอกจากยาที่รพ.ให้มากินแก้อาเจียนแล้ว บางคนก็ยังคลื่นไส้อาเจียนอยู่นั่นเอง
ควรปฏิบัติตัวดังนี้
1. อาหาร
• อาหารในระยะ 3-7 วันแรกควรเป็นอาหารที่ไม่มัน ไขมันจาก นมเนย การทอด ผัด หรือกะทิจะยิ่งทำให้คลื่นไส้ เพราะไขมันจะผ่านระบบทางเดินอาหารไปได้ช้า เกิดลมในท้อง และเสี่ยงต่อการอาเจียนมากขึ้น
• ควรกินข้าวต้ม กับกับข้าวที่ไม่มัน น้ำข้าวใส่เกลือ น้ำเต้าหู้ 100% ทำเอง กล้วยน้ำว้า กล้วยปิ้ง น้ำซุปใส ผลไม้ น้ำคั้นผลไม้สด ๆ กินแล้วจะสบายท้องกว่า
• อย่าปล่อยให้ท้องว่าง ยิ่งท้องว่างจะยิ่งเกิดลม จึงควรกินปริมาณแต่น้อย ไม่ต้องฝืนให้หมดถ้วย และควรกินบ่อย ๆ
• กินรสจัด ออกเปรี้ยวสักหน่อย เช่นซุปเปรี้ยว ต้มยำ แกงส้ม แกงเลียง เป็นต้น จะทำให้กินได้มากขึ้น
2. ยาหอม

 

หากมีอาการคลื่นไส้ ยาหอมจะมีส่วนช่วยได้มาก ยี่ห้ออะไรก็ได้ ส่วนมาก สมุนไพรในยาหอม จะทำให้ลมเคลื่อนลงล่าง แทนที่ลมจะดันขึ้นมาให้อาเจียน อาจจะกลายเป็นการผายลมแทนที่ใช้ ๆ กันในทางปฏิบัติคือเลือกใช้ยาหอมภูลประสิทธิ์ที่มีกระสายยาเป็นชะมดเชียง ใช้อมไว้ในปาก อาศัยกลิ่นของยาหอมทำให้หายคลื่นไส้ก่อนแล้วค่อยดื่มน้ำตาม โดยไม่ต้องเอาไปละลายน้ำแล้วดื่มให้เสี่ยงต่อการอาเจียนตั้งแต่แรก
3. สวนกาแฟ
ถ้าใครทำได้ทำเป็นก็จะมีประโยชน์ เวลาลมถูกกักเก็บในท้อง ก็สวนกาแฟทิ้งไป ระบายลมออกไปบ้าง จะช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ สามารถใช้วิธีการข้างต้น ร่วมกันได้ ภายใน 7 วันอาการคลื่นไส้อาเจียนก็จะหายไปเอง ถ้าทั้งหมดนี้ยังเอาไม่อยู่แนะนำให้ใช้การเติมวิตามินซีไฮโดส จะฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น

พญ.ลลิตา ธีระสิริ

ว่าด้วยโคโรนาไวรัสอู่ฮั่นระบาด

ประเทศจีนกำลังผจญกับโคโรนาไวรัสอู่ฮั่นระบาด อันเป็นโรคติดต่อมาจากสัตว์ ต่อมาไวรัสกลายพันธุ์สามารถติดต่อจากคนสู่คน ทำให้ทางเดินหายใจและที่สำคัญปอดอักเสบรุนแรง
รายงานผู้ป่วยในจีนคือพบในทุกมณฑลยกเว้นทิเบต จำนวนกว่า 2000 ตายไปกว่า 80 จนถึงวันนี้จำนวนผู้ป่วยและคนตายจะเพิ่มเป็นเท่าไรไม่รู้ แถมโรคระบาดไปทั่ว ทั้งฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ อเมริกา อังกฤษ สก็อตแลนด์ ฝรั่งเศส รวมทั้งไทยเราด้วย
ที่จริงทั้งการติดต่อและอาการไม่ร้ายแรงเท่าโรคซาร์ส และเมอร์สในอดีต ที่เคยระบาดมาก่อน แต่ก็ทำให้จีนลำบากมาก การปิดเมืองอู่ฮั่นและเมืองรอบ ๆ การระดมรถขุด ผู้คนมาสร้างรพ.ภายใน 10 วัน เพื่อใช้รักษาโรคไวรัสอู่ฮั่นโดยเฉพาะ โรงงานผลิตมาส์กต้องระดมคนงานมาทำงานทั้งวันทั้งคืน บุคคลากรทางการแพทย์ของเขาที่ต้องรับมือกับคนไข้แน่นรพ. ฯลฯ คนจีนยามนี้ไม่ต้องพักผ่อน ไม่ต้องไปไหนกันล่ะ
การประกาศงดงานฉลองปีใหม่ ปิดพระราชวังกู้กง ปืดกำแพงเมืองจีน ปิดโรงภาพยนต์ ห้ามคนจีนออกนอกประเทศ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะกระทบถึงเศรษฐกิจขนาดไหน และกรณีนี้จะกระเทือนไปทั่วโลกอย่างไร

รัฐบาลไทยมีมาตรการควบคุมโรคดีมากเป็นที่ยอมรับในระดับ 6 ของโลก นับว่าไม่น้อยหน้าประเทศไหน
แม้ว่าการสาธารณสุขจะมีมาตรการป้องกันโรคออกมา แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่พอ
ย้ำว่า ทุกคนต้องดูแลป้องกันตัวเองด้วย

• กินอาหารร้อน ๆ ปรุงใหม่ หรืออุ่นให้ร้อน
เพราะเชื้ออู่ฮั่นจะตายที่ 57 องศาเซลเซียส ลวกภาชนะที่ใช้บรรจุอาหารก่อนก็น่าจะดี
• ใช้ช้อนกลางทุกครั้ง
จะได้ไม่เอาน้ำมูก น้ำลายของใครมาแปดเปื้อนปนกัน เป็นอะไรก็จะได้ไม่ติดกัน
• ล้างมือบ่อย ๆ
การติดต่อของโรคผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ บางทีผู้ป่วยเอาไปป้ายลูกบิดประตู ราวบันไดเลื่อน ปุ่มในลิฟท์ ก๊อกน้ำสาธารณะ เมื่อเราไปสัมผัสเข้าแล้วเอาป้ายตา ป้ายจมูก เอามือเข้าปาก ก็ติดต่อกันได้ ดังนั้นจึงต้องล้างมือบ่อย ๆ
เนื่องจากเชื้อโคโรนาไวรัสฆ่าได้ด้วยแอลกอฮอล การพกเจลล้างมือในระยะนี้จึงมีประโยชน์และจำเป็น หากไปสัมผัสอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ อาจจะปนเปื้อนสารคัดหลั่ง ก็ล้างมือเสีย หรือจะล้างดัวยสบู่กับน้ำก็ได้
กรณีนี้ควรระวังเด็กเล็กเป็นพิเศษ สอนเขาอย่าเอาอะไรเข้าปาก ทางที่ดีเก็บเด็กไว้ในบ้านอย่าพาไปไหนดีที่สุด
• ไม่เข้าไปในที่ชุมชน ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนต์ สนามบิน สถานีขนส่ง งานชุมนุมต่าง ๆ สถานที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะในที่ที่คนจีนนิยมไปกัน
• สวมหน้ากากอนามัย หากจำเป็นต้องไปในที่ชุมนุมชน ไม่จำเป็นต้องใช้ N95 เพราะคุณอาจจะหายใจไม่ออกและอาจเป็นลมได้ แล้วจะประสบความยุ่งยากกว่าเดิม


• แนะนำว่าให้เพิ่มภูมิต้านทานในระยะนี้ โดยกินวิตามินซีชีวภาพ เม็ดละ 1 กรัม วันละเม็ด เพราะวิตามินซีจะไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภูมิต้านทาน
สำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่นคนที่เป็นภูมิแพ้ หอบหืด ร่างกายไม่แข็งแรง ให้ใช้วิตามินซี 4 เม็ดต่อวัน และควรเลือกวิตามินซีไร้กรดหรือกรดต่ำ จะได้ไม่ไปตกผลึกที่ไต
• อาจจะใช้วิธีการโบราณ แช่เท้าในน้ำอุ่นวันละครั้ง ในตอนเย็นทุกวัน วิธีการนี้จะทำให้เลือดไปเลี้ยงโพรงจมูกและช่องปากมากขึ้น นัยหนึ่งเป็นการส่งเม็ดเลือดขาวไปลาดตระเวนทางเข้าของเชื้อโรค
• พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลในระยะนี้ เพื่อถนอมความแข็งแรงของระบบภูมิต้านทานเข้าไว้

ทำทุกอย่างไปพร้อม ๆ กัน
จะป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ กระทั่งผ่อนหนักให้เบาลง