บทเรียนสุดท้ายจากคุณแม่ และ The Last Detox
- Category: ข่าวสุขภาพ
- Published: Tuesday, 27 February 2024 06:28
- Written by Super User
- Hits: 173
BALAVI Rejuvenation
หลังจากดูแลผู้ป่วยมะเร็งมาระยะหนึ่ง กล่าวได้ว่า
อาการคลื่นไส้อาเจียนหลังจากได้รับเคมีบำบัด สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
นอกจากยาที่รพ.ให้มากินแก้อาเจียนแล้ว บางคนก็ยังคลื่นไส้อาเจียนอยู่นั่นเอง
ควรปฏิบัติตัวดังนี้
1. อาหาร
• อาหารในระยะ 3-7 วันแรกควรเป็นอาหารที่ไม่มัน ไขมันจาก นมเนย การทอด ผัด หรือกะทิจะยิ่งทำให้คลื่นไส้ เพราะไขมันจะผ่านระบบทางเดินอาหารไปได้ช้า เกิดลมในท้อง และเสี่ยงต่อการอาเจียนมากขึ้น
• ควรกินข้าวต้ม กับกับข้าวที่ไม่มัน น้ำข้าวใส่เกลือ น้ำเต้าหู้ 100% ทำเอง กล้วยน้ำว้า กล้วยปิ้ง น้ำซุปใส ผลไม้ น้ำคั้นผลไม้สด ๆ กินแล้วจะสบายท้องกว่า
• อย่าปล่อยให้ท้องว่าง ยิ่งท้องว่างจะยิ่งเกิดลม จึงควรกินปริมาณแต่น้อย ไม่ต้องฝืนให้หมดถ้วย และควรกินบ่อย ๆ
• กินรสจัด ออกเปรี้ยวสักหน่อย เช่นซุปเปรี้ยว ต้มยำ แกงส้ม แกงเลียง เป็นต้น จะทำให้กินได้มากขึ้น
2. ยาหอม
หากมีอาการคลื่นไส้ ยาหอมจะมีส่วนช่วยได้มาก ยี่ห้ออะไรก็ได้ ส่วนมาก สมุนไพรในยาหอม จะทำให้ลมเคลื่อนลงล่าง แทนที่ลมจะดันขึ้นมาให้อาเจียน อาจจะกลายเป็นการผายลมแทนที่ใช้ ๆ กันในทางปฏิบัติคือเลือกใช้ยาหอมภูลประสิทธิ์ที่มีกระสายยาเป็นชะมดเชียง ใช้อมไว้ในปาก อาศัยกลิ่นของยาหอมทำให้หายคลื่นไส้ก่อนแล้วค่อยดื่มน้ำตาม โดยไม่ต้องเอาไปละลายน้ำแล้วดื่มให้เสี่ยงต่อการอาเจียนตั้งแต่แรก
3. สวนกาแฟ
ถ้าใครทำได้ทำเป็นก็จะมีประโยชน์ เวลาลมถูกกักเก็บในท้อง ก็สวนกาแฟทิ้งไป ระบายลมออกไปบ้าง จะช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ สามารถใช้วิธีการข้างต้น ร่วมกันได้ ภายใน 7 วันอาการคลื่นไส้อาเจียนก็จะหายไปเอง ถ้าทั้งหมดนี้ยังเอาไม่อยู่แนะนำให้ใช้การเติมวิตามินซีไฮโดส จะฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น
ประเทศจีนกำลังผจญกับโคโรนาไวรัสอู่ฮั่นระบาด อันเป็นโรคติดต่อมาจากสัตว์ ต่อมาไวรัสกลายพันธุ์สามารถติดต่อจากคนสู่คน ทำให้ทางเดินหายใจและที่สำคัญปอดอักเสบรุนแรง
รายงานผู้ป่วยในจีนคือพบในทุกมณฑลยกเว้นทิเบต จำนวนกว่า 2000 ตายไปกว่า 80 จนถึงวันนี้จำนวนผู้ป่วยและคนตายจะเพิ่มเป็นเท่าไรไม่รู้ แถมโรคระบาดไปทั่ว ทั้งฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ อเมริกา อังกฤษ สก็อตแลนด์ ฝรั่งเศส รวมทั้งไทยเราด้วย
ที่จริงทั้งการติดต่อและอาการไม่ร้ายแรงเท่าโรคซาร์ส และเมอร์สในอดีต ที่เคยระบาดมาก่อน แต่ก็ทำให้จีนลำบากมาก การปิดเมืองอู่ฮั่นและเมืองรอบ ๆ การระดมรถขุด ผู้คนมาสร้างรพ.ภายใน 10 วัน เพื่อใช้รักษาโรคไวรัสอู่ฮั่นโดยเฉพาะ โรงงานผลิตมาส์กต้องระดมคนงานมาทำงานทั้งวันทั้งคืน บุคคลากรทางการแพทย์ของเขาที่ต้องรับมือกับคนไข้แน่นรพ. ฯลฯ คนจีนยามนี้ไม่ต้องพักผ่อน ไม่ต้องไปไหนกันล่ะ
การประกาศงดงานฉลองปีใหม่ ปิดพระราชวังกู้กง ปืดกำแพงเมืองจีน ปิดโรงภาพยนต์ ห้ามคนจีนออกนอกประเทศ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะกระทบถึงเศรษฐกิจขนาดไหน และกรณีนี้จะกระเทือนไปทั่วโลกอย่างไร
รัฐบาลไทยมีมาตรการควบคุมโรคดีมากเป็นที่ยอมรับในระดับ 6 ของโลก นับว่าไม่น้อยหน้าประเทศไหน
แม้ว่าการสาธารณสุขจะมีมาตรการป้องกันโรคออกมา แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่พอ
ย้ำว่า ทุกคนต้องดูแลป้องกันตัวเองด้วย
• กินอาหารร้อน ๆ ปรุงใหม่ หรืออุ่นให้ร้อน
เพราะเชื้ออู่ฮั่นจะตายที่ 57 องศาเซลเซียส ลวกภาชนะที่ใช้บรรจุอาหารก่อนก็น่าจะดี
• ใช้ช้อนกลางทุกครั้ง
จะได้ไม่เอาน้ำมูก น้ำลายของใครมาแปดเปื้อนปนกัน เป็นอะไรก็จะได้ไม่ติดกัน
• ล้างมือบ่อย ๆ
การติดต่อของโรคผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ บางทีผู้ป่วยเอาไปป้ายลูกบิดประตู ราวบันไดเลื่อน ปุ่มในลิฟท์ ก๊อกน้ำสาธารณะ เมื่อเราไปสัมผัสเข้าแล้วเอาป้ายตา ป้ายจมูก เอามือเข้าปาก ก็ติดต่อกันได้ ดังนั้นจึงต้องล้างมือบ่อย ๆ
เนื่องจากเชื้อโคโรนาไวรัสฆ่าได้ด้วยแอลกอฮอล การพกเจลล้างมือในระยะนี้จึงมีประโยชน์และจำเป็น หากไปสัมผัสอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ อาจจะปนเปื้อนสารคัดหลั่ง ก็ล้างมือเสีย หรือจะล้างดัวยสบู่กับน้ำก็ได้
กรณีนี้ควรระวังเด็กเล็กเป็นพิเศษ สอนเขาอย่าเอาอะไรเข้าปาก ทางที่ดีเก็บเด็กไว้ในบ้านอย่าพาไปไหนดีที่สุด
• ไม่เข้าไปในที่ชุมชน ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนต์ สนามบิน สถานีขนส่ง งานชุมนุมต่าง ๆ สถานที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะในที่ที่คนจีนนิยมไปกัน
• สวมหน้ากากอนามัย หากจำเป็นต้องไปในที่ชุมนุมชน ไม่จำเป็นต้องใช้ N95 เพราะคุณอาจจะหายใจไม่ออกและอาจเป็นลมได้ แล้วจะประสบความยุ่งยากกว่าเดิม
ทำทุกอย่างไปพร้อม ๆ กัน
จะป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ กระทั่งผ่อนหนักให้เบาลง