- Category: ข่าวสุขภาพ
- Published: Thursday, 21 April 2016 02:47
- Written by Super User
- Hits: 19244
มะเร็งปากมดลูกป้องกันได้
พญ.ลลิตา ธีระสิริ
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับหนึ่งของมะเร็งในผู้หญิงไทยคือพบได้ 15.6% ของมะเร็งในผู้หญิงทั้งหมด ว่ากันว่าผู้หญิงในประเทศด้อยพัฒนาจะเป็นมะเร็งปากมดลูกกันมาก ทุกวันนี้มีวิธีการป้องกันมะเร็งปากมดลูกหลายวิธี การตรวจภายในเพื่อตรวจ pap หรือการเอาน้ำในช่องคลอดไปตรวจนั้นเป็นวิธีตรวจหาร่องรอยของโรค จะได้รู้เร็วรักษาเร็วเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด ซึ่งมีคนหายขาดแล้วมากมาย
ทุกวันนี้เรามีวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกใช้กันแล้ว โดยมีทฤษฏีอยู่ว่า มะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตัวหนึ่งชื่อ human pappilloma virus (HPV) ไวรัสจะทำให้เซลล์ปากมดลูกเกิดการเปลี่ยน แปลงไปเป็นเซลล์มะเร็ง
ไวรัส HPVเป็นสายพันธุ์เดียวกับไวรัสหูด เมื่อเอามาทำวัคซีนเราก็จะมีภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อ HPV แล้วก็จะไม่เป็นมะเร็งปากมดลูก แต่หากต้องการให้วัคซีนได้ผลจะต้องฉีดวัคซีนตัวนี้ตั้งแต่ยังไม่มีเพศสัมพันธุ์ คือฉีดตั้งแต่อายุ 11-26 ปี หากฉีดหลังจากอายุ 35ปีไปแล้วจะไม่ได้ผลแต่อย่างใด
แล้วคนที่อายุมากกว่าเกินจะฉีดวัคซีนได้ล่ะ จะป้องกันตัวเองจากมะเร็งปากมดลูกที่เป็นกันมากมายอย่างไร
ที่จริงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกยังมีอีกหลายประการ นอกจากการติดเชื้อไวรัส HPV แล้ว ยังมีการสูบบุหรี่ การที่มีลูกหลายคน การมีคู่นอนหลายคน การใช้ยาคุมกำเนิด ภูมิต้านทานอ่อนแอ และมีญาติสายตรง แม่ พี่สาว น้องสาวที่เป็นโรคนี้ – เนื่องจากว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากพันธุกรรมด้วย
หากเรารู้จักเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงนี้ เราก็จะตัดโอกาสการเป็นมะเร็งปากมดลูกลงได้ การไม่สูบบุหรี่ การไม่ใช้ยาคุมกำเนิด ปฏิเสธการมีคู่นอนหลายคน การไม่มีลูกหลายคน เหล่านี้เราเป็นฝ่ายเลือกได้ ก็ลดอัตราเสี่ยงลงไป ส่วนเรื่องของกรรมพันธุ์นั้นเลี่ยงไม่ได้ ใครก็ตามที่มีประวัติมะเร็งปากมดลูกในครอบครัวจะต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น
ยังมีเรื่องของภูมิต้านทาน กล่าวแล้วว่าไวรัส HPVเป็นประเภทเดียวกับไวรัสหูด หากภูมิต้านทานดี สุขอนามัยดี เราก็จะไม่เป็นหูด ทำนองเดียวกัน หากภูมิต้านทานของเราดี เราก็จะไม่ติดเชื้อ HPV และไม่เป็นมะเร็งปากมดลูก ดังนั้นการปรับอาหาร การเปลี่ยนพฤติกรรม ออกกำลังกาย คลายเครียดเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานจึงป้องกันมะเร็งนี้ได้
การมีภูมิต้านทานไม่ดีจะทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ง่ายกว่า เช่น ในผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV มากกว่า ทำให้ผู้ป่วยเอดส์มีอัตราป่วยด้วยมะเร็งปากมดลูกสูงกว่าคนธรรมดา เรายังพบว่าหากผู้ป่วยเอดส์เป็นมะเร็งปากมดลูกแล้วมะเร็งจะลุกลามได้เร็วกว่าในคนปกติ
แถมยังมีรายงานว่า ผู้หญิงอ้วนที่กินอาหารไม่สมดุล ผู้หญิงคนไหนที่กินผักและผลไม้น้อย แสดงว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระน้อย จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงกว่า
การหันมาหาอาหารในแนวธรรมชาติบำบัด ที่กินข้าวกล้อง ผักสดผลไม้สดวันละ 500 กรัมหรือวันละ 5 ส่วนอาหาร โดยกินผักวันละ 2 จาน ผลไม้วันละ 2 ลูก ดื่มน้ำคั้นผลไม้สดวันละ 200 ซีซี จะทำให้ภูมิต้านทานแข็งแรงขึ้น การป้องกันมะเร็งปากมดลูกก็จะได้ผลนอกจากนี้ ให้กินเนื้อสัตว์แต่พอควร กินไขมันแต่น้อย งดนมวัว งดอาหารขยะ งดการกินเค็ม งดผงชูรส งดเหล้า บุหรี่ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนบั่นทอนภูมิต้านทานลง
ผักสดผลไม้สดซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินซี อันมีผลโดยตรงต่อเม็ดเลือดขาวและระบบภูมิต้านทาน เบต้าแคโรทีนมีความสำคัญต่อความแข็งแรงของเซลล์ผิวของปากมดลูกจึงต้องกิน มะละกอ ฟักทอง แครอท ผักใบเขียว เป็นประจำ จะช่วยลดอัตราเสี่ยงลง ส่วนวิตามินอี จากข้าวกล้องจะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสHPV
ใครก็ตามที่มีประวัติญาติสายตรงเป็นมะเร็งปากมดลูก ยิ่งสมควรให้ความสนใจเรื่องอาหารและกินผักสดผลไม้สดให้ได้วันละ 500 กรัมอย่างจริงจัง